คีย์ อินโนเวธ ผสานพลังเยาวชน อัสสัมชัญ บางรัก มอบนวัตกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมแก่ กอ.รมน. สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนในพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมทั่วประเทศ   •   ธ.ก.ส. เสิร์ฟโปรโมชันพิเศษมากมาย บุก Thailand Smart Money กรุงเทพฯ พร้อมเปิดตัว Art Toy ชุด Agri Animal ตัว Secret   •   กรุงเทพประกันภัย ครองอันดับความน่าเชื่อถือ A- (Stable) จาก S&P อย่างต่อเนื่อง   •   TOA ไม่ทิ้งกัน รวมพลัง ‘ทีโอเอ อาสา’ เดินหน้าฟื้นฟูชาวใต้หลังน้ำลด ส่งมอบถุงยังชีพ – สิ่งของบรรเทาทุกข์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้เต็มสูบ   •   เมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัล “The Digital Insurance APAC 2025 – AI Initiative of the Year” จากผลงาน Chompoo Chatbot จุดประกายวิสัยทัศน์องค์กรแห่งอนาคตด้วยพลังของ AI   •   ไทยกรุ๊ปฯ จัดงาน A ROOT by Thai Group รีเฟรชกายใจ ส่งท้ายปี เติมพลังสุขรับปีใหม่A   •   อลิอันซ์ อยุธยา ส่งมอบความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ พร้อมทั้งดูแลลูกค้าในพื้นที่อย่างใกล้ชิด   •   มูลนิธิกรุงศรี สนับสนุน มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ร่วมสร้างรอยยิ้มใหม่ให้กับเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่   •   ออมสิน น้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ในหลวงรัชกาลที่ 9   •   GC ประกาศความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่ตอกย้ำความเชื่อมั่นจากนักลงทุน เสริมแกร่งโครงสร้างเงินทุนระยะยาว รองรับการเติบโตธุรกิจมูลค่าสูง-คาร์บอนต่ำ   •   BAM ผนึก Agentplus–MBKG เดินหน้าโมเดล “NPAs Smart Agent” เร่งระบายทรัพย์–ต่อยอดสินเชื่อครบวงจร   •   ไทยประกันชีวิต – คปภ. ร่วมส่งความช่วยเหลือ ด่วน! เพื่อพี่น้องชาวใต้   •   คปภ. ออกมาตรการเร่งด่วน! ช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ สั่งทุกบริษัทส่งรถยกฟรี–เร่งจ่ายสินไหมใน 7 วัน   •   สมาคมประกันวินาศภัยไทย มอบผ้าห่ม 700 ผืน ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้   •   ออมสิน เดินหน้าฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อเนื่อง เก็บกวาด–เช็ดล้าง ชุมชน โรงเรียน วัด และ มัสยิด ตลอดจนพื้นที่สาธารณะ เร่งคืนสภาพหลังน้ำลด
spot_img
spot_img

4Quarter.co

spot_img
คีย์ อินโนเวธ ผสานพลังเยาวชน อัสสัมชัญ บางรัก มอบนวัตกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมแก่ กอ.รมน. สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนในพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมทั่วประเทศ   •   ธ.ก.ส. เสิร์ฟโปรโมชันพิเศษมากมาย บุก Thailand Smart Money กรุงเทพฯ พร้อมเปิดตัว Art Toy ชุด Agri Animal ตัว Secret   •   กรุงเทพประกันภัย ครองอันดับความน่าเชื่อถือ A- (Stable) จาก S&P อย่างต่อเนื่อง   •   TOA ไม่ทิ้งกัน รวมพลัง ‘ทีโอเอ อาสา’ เดินหน้าฟื้นฟูชาวใต้หลังน้ำลด ส่งมอบถุงยังชีพ – สิ่งของบรรเทาทุกข์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้เต็มสูบ   •   เมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัล “The Digital Insurance APAC 2025 – AI Initiative of the Year” จากผลงาน Chompoo Chatbot จุดประกายวิสัยทัศน์องค์กรแห่งอนาคตด้วยพลังของ AI   •   ไทยกรุ๊ปฯ จัดงาน A ROOT by Thai Group รีเฟรชกายใจ ส่งท้ายปี เติมพลังสุขรับปีใหม่A   •   อลิอันซ์ อยุธยา ส่งมอบความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ พร้อมทั้งดูแลลูกค้าในพื้นที่อย่างใกล้ชิด   •   มูลนิธิกรุงศรี สนับสนุน มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ร่วมสร้างรอยยิ้มใหม่ให้กับเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่   •   ออมสิน น้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ในหลวงรัชกาลที่ 9   •   GC ประกาศความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่ตอกย้ำความเชื่อมั่นจากนักลงทุน เสริมแกร่งโครงสร้างเงินทุนระยะยาว รองรับการเติบโตธุรกิจมูลค่าสูง-คาร์บอนต่ำ   •   BAM ผนึก Agentplus–MBKG เดินหน้าโมเดล “NPAs Smart Agent” เร่งระบายทรัพย์–ต่อยอดสินเชื่อครบวงจร   •   ไทยประกันชีวิต – คปภ. ร่วมส่งความช่วยเหลือ ด่วน! เพื่อพี่น้องชาวใต้   •   คปภ. ออกมาตรการเร่งด่วน! ช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ สั่งทุกบริษัทส่งรถยกฟรี–เร่งจ่ายสินไหมใน 7 วัน   •   สมาคมประกันวินาศภัยไทย มอบผ้าห่ม 700 ผืน ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้   •   ออมสิน เดินหน้าฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อเนื่อง เก็บกวาด–เช็ดล้าง ชุมชน โรงเรียน วัด และ มัสยิด ตลอดจนพื้นที่สาธารณะ เร่งคืนสภาพหลังน้ำลด
spot_img

ฟอร์ติเน็ต เผยผลสำรวจ ภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในประเทศไทยพุ่ง 3 เท่าตัว ช่วยให้ก่ออาชญากรรมแนบเนียนขึ้น เร็วขึ้น

การโจมตีด้วย AI พลิกโฉมความปลอดภัยไซเบอร์ในภูมิภาค ทำให้ช่องว่างในการตรวจจับขยายกว้างขึ้นฟอร์ติเน็ต ผู้นำระดับโลกด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ที่ขับเคลื่อนการผสานรวมของระบบเครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยเข้าด้วยกัน เผยผลสำรวจชิ้นใหม่จากไอดีซี ชี้ถึงการยกระดับการโจมตีของภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่สูงขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งในแง่ปริมาณและความซับซ้อนในการโจมตี

การศึกษาที่ได้รับการสนับสนุนจากฟอร์ติเน็ตยังเน้นให้เห็นว่าผู้บุกรุกกำลังนำ AI มาใช้โจมตีได้อย่างแนบเนียนและรวดเร็ว ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยไม่สามารถตรวจจับและตอบสนองการโจมตีได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ผลสำรวจยังเผยถึงภาพรวมภัยคุกคามที่นอกจากจะพัฒนาการโจมตีที่ซับซ้อนแล้วยังทำให้เกิดช่องโหว่ทั้งการมองเห็น การกำกับดูแล และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งสร้างความท้าทายมากขึ้นสำหรับทีมดูแลความปลอดภัยไซเบอร์ที่มีทรัพยากรจำกัด AI กลายเป็นอาวุธใหม่ของผู้โจมตี และองค์กรส่วนใหญ่ต่างได้รับผลกระทบ

• การก่ออาชญากรรมไซเบอร์ด้วย AI ที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ได้เป็นเพียงทฤษฏีอีกต่อไป เกือบ 58% ขององค์กรในประเทศไทย ระบุว่าเคยเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งภัยคุกคามเหล่านี้ ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยองค์กรไทย 62% รายงานว่าภัยคุกคามที่ใช้ AI โจมตี เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และอีก 34% มองว่าเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า

• ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้ตรวจจับได้ยากขึ้นและมักอาศัยจุดอ่อนในระบบที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้ใช้งาน การตั้งค่าที่ผิดพลาด รวมถึงระบบระบุตัวตนผู้ใช้ สำหรับประเทศไทย ภัยคุกคามด้วย AI อันดับต้นที่พบ ได้แก่ การโจมตีบัญชีผู้ใช้งาน โดย AI จะนำข้อมูลล็อกอินที่เคยรั่วไหลมาสุ่มเดารหัสผ่านเพื่อเข้าถึงระบบอื่นๆ (credential stuffing and brute force) การใช้ AI สร้างอีเมลฟิชชิง การใช้ AI บิดเบือนข้อมูลเพื่อให้โมเดล AI ทำงานผิดพลาด (adversarial AI and data poisoning) รวมถึงการใช้ AI สืบค้นข้อมูลของเป้าหมายและใช้ Deepfake ปลอมแปลงผ่านอีเมลทางธุรกิจ (AI-enhanced reconnaissance and Deepfake impersonation)

• แม้ว่าการโจมตีด้วย AI จะเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่กลับมีองค์กรในประเทศไทยเพียงแค่ 9% ที่กล่าวว่ามั่นใจในศักยภาพการป้องกันการโจมตีเหล่านี้ ขณะที่ 43% ยอมรับว่าภัยคุกคามด้วย AI กำลังพัฒนาไปไกลเกินความสามารถในการตรวจจับ และ 24% ขององค์กรในไทย ระบุว่าไม่มีความสามารถในการติดตามภัยคุกคามเหล่านี้ได้เลย เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงช่องว่างในเรื่องความพร้อมในการรับมือซึ่งเป็นประเด็นที่น่ากังวลความเสี่ยงทางไซเบอร์ในปัจจุบันคือเรื่องปกติ ไม่ใช่วิกฤต

• ภาพรวมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไม่ใช่เรื่องวิกฤตที่เกิดแค่ชั่วครั้งชั่วคราวอีกต่อไป แต่เป็นสภาวะที่ต้องเผชิญความเสี่ยงตลอดเวลา องค์กรในไทย กำลังเผชิญกับความเสี่ยงต่อภัยคุกคามที่แฝงตัวซ่อนเร้นเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ภัยคุกคามที่มีการรายงานมากที่สุด ได้แก่ ฟิชชิง (60%) ช่องโหว่ในระบบคลาวด์ (56%) แรนซัมแวร์ (52%) การโจมตีซอฟต์แวร์ซัพพลายเชน (50%) และภัยคุกคามจากภายในองค์กร (48%)

• ภัยคุกคามที่สร้างความปั่นป่วนมากที่สุดจะไม่ใช่สิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดอีกต่อไป ภัยที่ติดอันดับสูงสุดคือช่องโหว่ซีโร่เดย์ และช่องโหว่ที่ยังไม่มีการแก้ไข (unpatched) ตามมาติดๆ คือภัยคุกคามจากภายในองค์กร การตั้งค่าระบบคลาวด์ที่ผิดพลาด การโจมตีซอฟต์แวร์ซัพพลายเชน และความผิดพลาดจากผู้ใช้งาน ภัยคุกคามเหล่านี้สร้างความเสียหายอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถหลุดรอดการตรวจจับของระบบป้องกันแบบเดิมได้ ด้วยการอาศัยจุดอ่อนภายในระบบและช่องโหว่ที่มองไม่เห็น ส่งผลให้ความเสี่ยงเหล่านี้ ซึ่งเป็นภัยเงียบและซับซ้อนมากขึ้น ถูกมองว่าอันตรายยิ่งกว่าภัยคุกคามที่รู้จักกันดี เช่น แรนซัมแวร์ หรือฟิชชิง

• ภัยคุกคามรูปแบบเดิมๆ อย่างแรนซัมแวร์ ฟิชชิง และมัลแวร์ ยังคงเติบโตแต่อยู่ในอัตราที่ค่อนข้างช้ากว่าภัยคุกคามรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งน่าจะเป็นผลจากความก้าวหน้าในการป้องกัน อย่างการปกป้องจุดเชื่อมต่อปลายทาง (endpoint protection) และการฝึกอบรมเพื่อสร้างการรับรู้ ในทางกลับกัน ภัยคุกคามที่เติบโตเร็วที่สุดได้แก่ ช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข และซีโร่เดย์ (20%) การโจมตีระบบ IoT/OT (16%) ช่องโหว่บนระบบคลาวด์ (14%) การโจมตีซอฟต์แวร์ซัพพลายเชน (12%) และแรนซัมแวร์ (12%) โดยภัยคุกคามเหล่านี้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากอาศัยช่องว่างในการกำกับดูแล และการมองเห็น รวมถึงความซับซ้อนในระบบ ทำให้ตรวจจับได้ยากและมีแนวโน้มว่าจะสร้างความเสียหายรุนแรงยิ่งขึ้นหากโจมตีได้สำเร็จ

• ผลลัพธ์ที่ตามมาไม่ใช่แค่ระบบทำงานไม่ได้ โดยผลกระทบที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจ ได้แก่ การโดนโจรกรรมข้อมูลและละเมิดความเป็นส่วนตัว (64%) การสูญเสียความไว้วางใจจากลูกค้า (62%) การถูกลงโทษตามข้อบังคับ (46%) และการดำเนินงานต้องหยุดชะงัก (40%) นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความเสียหายทางการเงิน โดย 56% ของผู้ตอบแบบสำรวจเคยประสบเหตุข้อมูลรั่วไหลที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงิน โดยหนึ่งในสี่ของเหตุการณ์เหล่านั้น มีมูลค่าความเสียหายกว่า 500,000 เหรียญสหรัฐทีมงานตกอยู่ภายใต้ความกดดัน ปัญหามีมากมาย แต่คนมีไม่พอ

• ทีมรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ในประเทศไทย ยังคงต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรอย่างหนัก โดยเฉลี่ยแล้ว มีทีมงานขององค์กรแค่ 7% ที่ถูกมอบหมายให้ดูแลระบบไอทีภายในองค์กร และในจำนวนนี้ มีเพียง 13% ที่มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยเฉพาะ ซึ่งเทียบเท่ากับการมีผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่ทำงานเต็มเวลาไม่ถึง 1 คนต่อจำนวนพนักงานทุก 100 คน

• มีองค์กรแค่เพียง 15% ที่มีตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงดูแลความปลอดภัยข้อมูล (CISO) และองค์กรส่วนใหญ่ (63%) ใช้วิธีรวบงานรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ไว้กับงานไอทีทั้งหมด มีองค์กรแค่ 6% ที่มีทีมงานเชี่ยวชาญสำหรับหน้าที่เฉพาะอย่างการค้นหาภัยคุกคามในเชิงรุกและการดำเนินงานด้านความปลอดภัย

• ทีมงานที่มีเพียงไม่กี่คนเหล่านี้ ยังต้องเผชิญความกดดันอย่างมากจากภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น ความท้าทายหลักตามที่ได้มีการรายงาน ยังรวมถึงภัยคุกคามที่เข้ามาอย่างท่วมท้น (54%) ความยากในการรักษาผู้มีทักษะด้านความปลอดภัยไซเบอร์ให้อยู่กับองค์กร (52%) และความซับซ้อนเรื่องเครื่องมือ (44%) ปัญหาเหล่านี้ ทำให้คนทำงานเกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน (burnout) และทีมไซเบอร์ต้องทำงานกระจัดกระจายแม้การลงทุนจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่ทันต่อความเสี่ยงอยู่ดี

• แม้ว่าการรับรู้เพิ่มขึ้นก็ตาม แต่การลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ยังคงอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำ โดยเฉลี่ย มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แค่ 15% คิดเป็นอัตราส่วนแค่ 1% กว่าๆ ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดและความรุนแรงของภัยคุกคาม

• อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่างบประมาณจะเพิ่มขึ้น โดยเกือบ 92% ขององค์กรในประเทศไทยรายงานว่ามีการเพิ่มงบประมาณ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังต่ำกว่า 10% แสดงให้เห็นว่าองค์กรยังคงระมัดระวังเรื่องการลงทุน

• หลายองค์กรกำลังเปลี่ยนจากการลงทุนที่เน้นหนักด้านโครงสร้างระบบ มาเป็นการลงทุนในเชิงกลยุทธ์มากขึ้น โดย 5 อันดับที่องค์กรให้ความสำคัญ ได้แก่ ความปลอดภัยด้านการระบุตัวตนผู้ใช้ การรักษาความปลอดภัยเครือข่าย แนวทางด้าน SASE/Zero Trust ความสามารถในการฟื้นตัวจากภัยไซเบอร์ (cyber resilience) และระบบปกป้องแอปพลิเคชันบนคลาวด์ เหล่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนมามุ่งเน้นที่การวางแผนรักษาความปลอดภัย โดยเน้นเรื่องความเสี่ยงเป็นหลักและให้ความสำคัญเรื่องการเข้าถึงระบบ

• อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญอย่าง การรักษาความปลอดภัยระบบ OT/IoT, DevSecOps และการฝึกอบรมด้านความปลอดภัย ยังคงได้งบประมาณที่จำกัดอยู่ดี สะท้อนให้เห็นว่า ยังมีความล่าช้าในการจัดการกับช่องโหว่ในการดำเนินงานและในระดับของผู้ใช้งานใช้แพลตฟอร์มสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ท่ามกลางความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น

• การควบรวมด้านความปลอดภัยและการเชื่อมต่อเครือข่ายกลายเป็นแนวทางหลักในปัจจุบัน โดย 96% ของผู้ตอบแบบสำรวจในประเทศไทย มีการควบรวมระบบงานดังกล่าวแล้ว หรือกำลังประเมินแนวทางนี้อย่างจริงจัง ความเคลื่อนไหวดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการลดความซับซ้อนด้านสถาปัตยกรรม การรวมระบบป้องกันเข้าด้วยกัน และปรับปรุงการดำเนินงานให้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

• ประมาณ 90% ขององค์กร มีการรวมระบบงานดังกล่าวแล้ว แต่ยังพบอุปสรรคอยู่ แม้จะมีความคืบหน้าก็ตาม แต่เกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจยังคงระบุว่าการบริหารจัดการเครื่องมือคือความท้าทายหลัก โดยชี้ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่จำนวนของเครื่องมือ แต่เป็นเรื่องความกระจัดการจายและเครื่องมือเหล่านี้ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

• การรวมผู้ให้บริการ ถูกมองว่าเป็นเรื่องของกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่ช่วยลดต้นทุนอย่างเดียว แต่ยังช่วยปรับปรุงเรื่องความเร็วในการตรวจจับภัยคุกคาม แก้ปัญหา และให้ความสามารถในการมองเห็นภาพรวมของระบบงานทั้งหมด ประโยชน์สูงสุดที่องค์กรจะได้จากการรวมผู้ให้บริการ ได้แก่ การสนับสนุนที่รวดเร็วขึ้น (59%) ประหยัดค่าใช้จ่าย (53%) ผสานรวมการทำงานได้ดียิ่งขึ้น (53%) และยกระดับความปลอดภัยโดยรวม (51%)คำกล่าวจากผู้บริหารไซมอน พิฟฟ์ รองประธานฝ่ายวิจัย ไอดีซี เอเชีย-แปซิฟิก

“ผลสำรวจครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่ากลยุทธ์การป้องกันที่ขับเคลื่อนด้วย AI มีความจำเป็นมากขึ้นสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่นและจีน เนื่องจากองค์กรต่างๆ กำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนและแนบเนียนมากขึ้น ทั้งที่เกิดจากการตั้งค่าระบบที่ผิดพลาด และกิจกรรมของคนในองค์กร ไปจนถึงการโจมตีโดยใช้ AI ทำให้สามารถหลบเลี่ยงวิธีการตรวจจับแบบเดิมได้ การเปลี่ยนมาใช้โมเดลการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ที่เน้นเรื่องความเสี่ยงคือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้องค์กรยืนหยัดเหนือการโจมตีได้จากภาพรวมภัยคุกคามรูปแบบใหม่นี้ ทำให้การรักษาความปลอดภัยแบบตั้งรับไม่เพียงพออีกต่อไป โดยต้องนำมาตรการการรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลข่าวกรองในเชิงคาดการณ์มาช่วย”

นายพีระพงศ์ จงวิบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “ความซับซ้อนกลายเป็นสมรภูมิรบแห่งใหม่ของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และเทคโนโลยี AI เองก็เป็นทั้งความท้าทายและการป้องกันด่านหน้า เนื่องจากภัยคุกคามใช้วิธีการที่แนบเนียนมากขึ้นและมีการร่วมมือกันมากขึ้น ฟอร์ติเน็ตกำลังช่วยให้องค์กรในประเทศไทยอยู่เหนือภัยคุกคาม ด้วยแนวทางการใช้แพลตฟอร์มที่ผสานรวมการทำงาน ทั้งเรื่องการมองเห็น เป็นระบบอัตโนมัติ และให้ความสามารถในการรับมือการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งภาพรวมภัยคุกคามในปัจจุบัน ความเร็ว ความเรียบง่ายและกลยุทธ์คือสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เป้าหมายของเราคือการช่วยลูกค้าเปลี่ยนแนวทางการป้องกันที่แยกเป็นส่วนๆ มาเป็นการรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อรับมือกับการโจมตีในวงกว้างด้วยวิธีการที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ดร.รัฐิติ์พงษ์ พุทธเจริญ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิศวกรรมระบบ ฟอร์ติเน็ต ประเทศไทย “เนื่องจากภัยคุกคามใช้วิธีการที่แนบเนียนและอาศัยความร่วมมือกันมากขึ้น เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของแนวทางการลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมุ่งเน้นไม่ใช่แค่เรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน แต่เน้นจุดที่เป็นกลยุทธ์มากขึ้น เช่นการปกป้องตัวตนผู้ใช้งาน ความมั่นคงของระบบ และการควบคุมการเข้าถึง ซึ่งที่ฟอร์ติเน็ต เรากำลังช่วยลูกค้าปรับมุมมองในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไม่ใช่แค่การป้องกัน แต่เป็นการสร้างศักยภาพทางธุรกิจในระยะยาว แพลตฟอร์มของเราขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอัจฉริยะ ให้ความเรียบง่าย และขยายการป้องกันได้ครอบคลุม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการปรับตัวเพื่อเติบโตได้ในสภาวะความเป็นจริงปัจจุบัน”

spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้ "คุกกี้” เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน โดยใช้คุกกี้เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจของท่าน
รายละเอียดเพิ่มเติม: นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) นโยบายการใช้คุกกี้ (Cookies Policy), ตั้งค่าคุกกี้ (Cookies Settings)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ วิเคราะห์การเข้าชม และนำเสนอโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของท่าน สามารถตั้งค่าความยินยอมโดย เปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่จำเป็นคือสิ่งที่สำคัญสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ ทำให้ท่านสามารถใช้งานและเรียกดูเว็บไซต์ได้ตามปกติ ท่านไม่สามารถปิดการใช้งานคุกกี้เหล่านี้ในระบบของเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้เว็บไซต์สามารถจดจำตัวเลือกหรือการตั้งค่าต่างๆ ที่ท่านได้เลือกไว้ เช่น ภาษา ภูมิภาค หรือขนาดตัวอักษร เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทำให้ท่านไม่ต้องตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่เข้าใช้งานเว็บไซต์
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประสิทธิภาพ

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้เราสามารถรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เช่น จำนวนผู้เข้าชม แหล่งที่มา หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์สำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น โดยข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมนั้นจะไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้ถูกตั้งค่าโดยพันธมิตรด้านโฆษณา เพื่อสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับความสนใจของท่านจากการเข้าชมเว็บไซต์ต่างๆ สำหรับแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของท่านให้มากที่สุดทั้งบนเว็บไซต์ของเราและเว็บไซต์อื่นๆ หากไม่ยินยอม โฆษณาที่แสดงผลจะเป็นแบบทั่วไปซึ่งอาจไม่ตรงกับความสนใจของท่าน
    รายละเอียดคุกกี้

Save