● จาก “ผู้เล่า” สู่ “ผู้เปิดพื้นที่”
● ปรับบทบาทจาก Storyteller เป็น “Facilitator” ของแรงบันดาลใจ
● ผสานอารมณ์ (Emotional) เข้ากับแพลตฟอร์มดิจิทัล ด้วยแคมเปญ #ทำโซเชียลให้มีความหมาย
● ร่วมมือกับ Tellscore ดึง Influencer ร่วมสร้าง Meaningful Content
● เข้าถึงคนรุ่นใหม่อย่างแยบยลโดยไม่ทิ้งอัตลักษณ์ของแบรนด์

ไทยประกันชีวิต พลิกบทบาทจาก “ผู้เล่า” สู่ “ผู้เปิดพื้นที่” ให้สังคมร่วมสร้างคุณค่า เปิดตัวแคมเปญ “ทำโซเชียลให้มีความหมาย” ที่ไม่ใช่แค่หนังโฆษณาชุดใหม่ แต่คือการสื่อสารของแบรนด์ในรูปแบบที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสื่อและผู้บริโภคอย่างชัดเจน
ภายใต้แคมเปญนี้ ไทยประกันชีวิตไม่ได้เน้นการผลิตหนังโฆษณาเพื่อเล่าเรื่องแบบเดิม แต่ขยับบทบาทมาเป็น “ผู้จุดประกาย” และ “ผู้เปิดพื้นที่” ให้คนทั่วไปสามารถเป็นผู้เล่าเรื่องชีวิตในแบบของตนเองผ่านโซเชียลมีเดีย ด้วยแฮชแท็ก #ทำโซเชียลให้มีความหมาย

นายไชย ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตได้เป็นผู้บุกเบิกการสร้างแบรนด์ผ่านภาพยนตร์โฆษณา โดยมุ่งเน้นให้ผู้คนตระหนักถึง คุณค่าของชีวิตและความรัก (Value of Life, Value of Love) ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของแบรนด์ในการสร้างแรงบันดาลใจให้สังคม ผ่านการใช้ Emotional Approach ที่ทำให้โฆษณาของแบรนด์มีเอกลักษณ์และได้รับการจดจำ
อย่างไรก็ตามด้วยการเปลี่ยนแปลงของ Media Landscape และการเติบโตของโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน ไทยประกันชีวิตจึงตัดสินใจปรับกลยุทธ์แคมเปญโฆษณาใหม่ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยมุ่งเน้นการเปิดพื้นที่ให้คนในสังคมสามารถกลายเป็น Content Creator หรือผู้สร้างสรรค์เนื้อหาที่มีคุณค่าในโลกออนไลน์ เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงโลกโซเชียลให้มี ความหมาย มากขึ้น
และในปี 2568 นี้ แคมเปญโฆษณาของไทยประกันชีวิตจะเปลี่ยนจากการที่แบรนด์เป็นผู้ผลิตเนื้อหา มาเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้คนร่วมสร้างสรรค์เนื้อหาผ่านแนวคิด “Co-Create With Culture Creators” ภายใต้แคมเปญ “ทำโซเชียลให้มีความหมาย” เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่มีคุณค่าและมีความหมายจากหลากหลายมุมมอง

นอกจากหนังโฆษณา “รอยสักของแม่” ที่เปิดตัวเป็นเรื่องแรก แบรนด์ยังผนึกกำลังกับ Tellscore เปิดเวทีให้ Content Creator ส่งผลงานเข้าประกวดในกิจกรรม Best Meaningful Content เพื่อเฟ้นหาผู้สร้างสรรค์เนื้อหาที่มีคุณค่าต่อสังคม โดยมีเงินรางวัลและการรับรองจากเวที Thailand Influencer Awards 2025 เป็นแรงจูงใจ
การเคลื่อนไหวนี้ สะท้อนภาพสังคมและความเข้าใจในการสื่อสารอย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงเชิงเทคโนโลยี แต่ยังตอบความต้องการเชิงคุณค่า (Values-driven) ของคนรุ่นใหม่ ที่มองหาแบรนด์ที่พร้อมเปิดพื้นที่ให้ “ความหมาย” ได้เกิดขึ้นจากตัวผู้บริโภคเอง
ความน่าสนใจของแคมเปญนี้จึงอยู่ที่การเปลี่ยนจาก Brand Storytelling สู่ Collaborative Storytelling หรือ Story-sharing Platform ซึ่งถือเป็นทิศทางใหม่ที่สอดรับกับยุคของ Creator Economy
■ ผู้เขียน: จิรารัฏฐ์ บูรพารัศมิ์ บรรณาธิการบริหาร