“ทูตพาณิชย์ชิคาโก” เผยตลาดสินค้าอาหารและเครื่องดื่มออนไลน์ในสหรัฐฯ สุดบูม ผู้บริโภคนิยมช้อป หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 เผยเป็นโอกาสของสินค้าไทยในการเจาะตลาด ชี้ช่องนำสินค้าไปขาย ใช้เวทีเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ หรือดิวตรง มี 2 แพลตฟอร์ม amazon.com และ walamart.com ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำสินค้าไปขายได้
น.ส.อุษาศรี เขียวระยับ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ ชิคาโก สหรัฐฯ เปิดเผยว่า สำนักงานฯ ได้ติดตามและหาช่องทางในการขยายการส่งออกให้กับสินค้าไทย ตามนโยบายที่ได้รับจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยล่าสุดได้ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอาหารและเครื่องดื่มผ่านช่องทางออนไลน์ พบว่า เป็นกลุ่มสินค้าที่มีการขยายตัวรวดเร็วที่สุด ด้วยแรงผลักดันของการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ผู้บริโภคนิยมการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์และบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้านมากขึ้น จึงเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าอาหารและเครื่องดื่มของไทยเข้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เจาะเข้าสู่ผู้บริโภคสหรัฐฯ ได้
ทั้งนี้ การจำหน่ายสินค้าอาหารและเครื่องดื่มทางออนไลน์ในสหรัฐฯ มีมูลค่า 19,890 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 เพิ่มขึ้น 18.2% และคาดว่ายอดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวหรือประมาณ 39,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 โดยผู้นำตลาดการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มทางออนไลน์ 5 รายแรก คือ kroger.com มูลค่า 2,285 ล้านเหรียญสหรัฐ amazon.com มูลค่า 1,734 ล้านเหรียญสหรัฐ walmart.com มูลค่า 1,569 ล้านเหรียญสหรัฐ Costco.com มูลค่า 455 ล้านเหรียญสหรัฐ และ samsclub.com มูลค่า 359 ล้านเหรียญสหรัฐ
“นักการตลาดอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ ให้ข้อคิดเห็นว่า ยอดจำหน่ายสินค้าอาหารและเครื่องดื่มทางออนไลน์ขยายตัวในอัตราสูง เนื่องจากผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้พัฒนาวัฒนธรรมและนิสัยชอบความสะดวกรวดเร็ว และผู้บริโภคที่ใช้เวลาออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่นักการตลาดสินค้าอาหารและเครื่องดื่มให้ความเห็นว่า ช่องทางออนไลน์จะเป็นช่องทางในการสร้างการรับรู้แบรนด์สินค้าให้ผู้บริโภคได้รวดเร็ว ทำให้ห้างในสหรัฐฯ หันมาให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์มากขึ้น และเร่งทำตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้น”
น.ส.อุษาศรี กล่าวว่า สำหรับโอกาสของสินค้าอาหารและเครื่องดื่มไทย หากต้องการเข้าสู่การจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ในสหรัฐฯ สามารถติดตามการเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ (Online Business Matching) ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจัดขึ้นกับแพลตฟอร์มออนไลน์ของสหรัฐฯ เพื่อให้มาเลือกซื้อสินค้าไทย หรือหากต้องการที่จะเข้าไปโดยตรง ก็สามารถศึกษาเพื่อนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในแพลตฟอร์ม amazon.com และ walamart.com ได้ เพราะ 2 แพลตฟอร์มนี้ เปิดให้ผู้ประกอบการทั่วไปเข้าไปจำหน่ายสินค้าได้
โดยผู้ประกอบการไทยที่สนใจจะขายสินค้าอาหารและเครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มทั้ง 2 สามารถศึกษาวิธีได้จากเว็บลิงค์นี้ https://services.amazon.com/global-selling/overview.html และ https://marketplace.walmart.com
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญกับการใช้ช่องทางโซเซียลมีเดีย ได้แก่ Influencer , Facebook , Twitter และ Instagram เป็นเครื่องในการทำการตลาดและการขายสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม และต้องให้ความสำคัญในเรื่องโลจิสติกส์ในด้านการจัดส่งมอบสินค้าที่รวดเร็ว เพราะเป็นปัจจัยสนับสนุนการค้าทางออนไลน์ โดยควรพิจารณาในเรื่องการเก็บรักษาสินค้าในคลังสินค้าในสหรัฐฯ เนื่องจากแพลตฟอร์มบังคับให้ผู้ขายต้องเก็บสินค้าไว้ในสหรัฐฯ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า